ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

มาบริจาคเลือดกันเถอะ

เดววันที่ 16 สิงหา นี้ทางอำเภอพานเขาจะรับบริจาคเลือด ที่หลังที่ว่าการอำเภอพาน ใครว่างก็ไปกันนะ

จำได้ครั้งแรกที่บริจาคคือ ตอนปีสาม อาจารย์บอกว่า ใครไปบริจาคเลือดผมให้คะแนนอีก 5 คะแนนดิบ ฟรีๆเลย เอ้าหูผึ่งเลย วิชาประมวลภาพ คะแนนยิ่งน้อยๆอยู่ ห้าคะแนนฟรีก็น่าสนใจ ครั้งนั้นทางโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เข้ามารับบริจาคให้มหาลัยเลย

ซึ่งผู้บริจาคเลือดได้ต้อง

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 70 ปีบริบูรณ์  ผู้ที่มีอายุ 17 ปี ไม่ถึง 18 ปี ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง  
2. ผู้บริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก  ถ้าอายุเกิน 55 ปี - 60 ปี   และให้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ และ พยาบาล  
3. ผู้บริจาคโลหิตอายุมากกว่า 60 ปี - 70 ปี แบ่งเกณฑ์การคัดเลือกตามาอายุ  2 ช่วง ดังนี้   
    3.1 การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตอายมากกว่า  60 จนถึง 65 ปี
          1) เป็นผู้บริจาคโลหิตประจำมาโดยตลอดจนกระทั่งอายุ 60 ปี
          2)  บริจาคโลหิตได้ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง คือทุก 4 เดือน
          3) ตรวจ Complete Blood Count ( CBC ) , Serum Ferritin ( SF )  ปีละ 1 ครั้ง เพื่อประกอบการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทั่วไป และสำหรับแพทย์ใช้ผลการตรวจ SF ในการติดตามและปรับการให้ธาตุเหล็กทอดแทน 
     3.2 ผู้บริจาคโลหิตอายุมากกว่า 65 ปี จนถึง 70 ปี  
           1) เป็นผู้บริจาคโลหิตต่อเนื่องสม่ำเสมอในช่วงอายุ  มากกว่า  60 ปี จนถึง 65 ปี
           2) บริจาคโลหิตได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง คือ ทุก 6 เดือน
           3) ต้องได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพโดยแพทย์ หรือพยาบาลของธนาคารเลือดหรือหน่วยงานรับบริจาคโลหิตซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจคัดกรองสุขภาพผู้บริจาคโลหิต 
           4) ตรวจ CBC และ SF ปีละ 1 ครั้ง 
4.  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในเวลาปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่มาบริจาคโลหิต 
5. ไม่มีอาการท้องเสีย ท้องร่วง ใน 7 วันที่ผ่านมา  
6. ไม่อยู่ในช่วงน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วในระยะ 3 เดือนที่ผานมาโดยไม่ทราบสาเหตุ  
7. สตรีไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน  6 เดือน ที่ผ่านมา
8.น้ำหนักต้องไม่ลดผิดปกติในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุ
9. หากรับประทานยาแอสไพริน, ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาแก้ปวดอื่นๆ ต้องหยุดยามาแล้ว 3 วัน ถ้าเป็นยาแก้อักเสบหรือยาอื่นๆ ต้องหยุดยามาแล้ว 7 วัน
9. ไม่เป็นโรคหอบหืด, ผิวหนังเรื้อรัง, วัณโรค หรือภูมิแพ้อื่นๆ
10. ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หัวใจ, ตับ, ไต, มะเร็ง, ไทรอยด์,โลหิตออกง่าย-หยุดยาก หรือโรคประจำตัวอื่นๆ
11. หากถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนหรือรักษารากฟัน ต้องทิ้งระยะอย่างน้อย 3 วัน
12. หากเคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ต้องเกิน 6 เดือน, ผ่าตัดเล็ก ต้องเกิน  7 วัน
13.ท่านหรือคู่ครองของท่านต้องไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์  
14. ต้องไม่มีประวัติยาเสพติด หรือเพิ่งพ้นโทษ ต้องเกิน 3 ปี และมีสุขภาพดี
15. หากเจาะหู, สัก, ลบรอยสักหรือฝังเข็มในการรักษา ต้องเกิน 1 ปี
16.หากมีประวัติเจ็บป่วยและได้รับโลหิตของผู้อื่น ต้องเกิน 1 ปี
17. หากมีประวัติเป็นมาเลเรีย ถ้าเคยเป็นต้องหายมาแล้วเกิน 3 ปี หากเคยเข้าไปในพื้นที่ ที่มีเชื้อมาเลเรียชุกชุม ต้องทิ้งระยะอย่างน้อยเกิน 1 ปี จึงบริจาคโลหิตได้
18. ต้องไม่ได้รับวัคซีนในระยะ 14 วัน หรือเซรุ่มในระยะ 1 ปี ที่ผ่านมา
19. ก่อนบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวข้าวหมู ของทอด ของหวาน แกงกะทิต่างๆ 


บลาๆๆๆ ยาวๆไปเลย เอาที่สำคัญคือ
- นอนเพียงพอประมาณ 8 ชั่วโมง
- ภายใน 7 วันนี้ไม่ใช้ยาปฎิชีวนะ ไม่ดื่มเหล้า
- กินข้าวมาแล้ว
- ไม่เป็นโรคติดต่อ




เทคนิคในการเจาะเลือดที่คุณควรรู้คือ 
-ถ้าคุณถนัดแขนข้างไหน อย่าเจาะข้างนั้น เดวเจ็บทำงานไม่ได้อีก 
- เตรียมหาที่นอนไว้ด้วย เพราะว่าวันที่เอาเลือดออกนั้น มันจะไม่ค่อยมีแรง ง่วง แต่ถ้าได้นอนพักก็จะดีเอง
- อย่าให้พยาบาลสาวๆเจาะเด็ดขาด พวกนี้มือหนักมาก จะให้ดีคือ ให้คนแก่ๆที่มากประสบการณ์เจาะจะไม่่ค่อยเจ็บมาก

ส่วนถ้าคุณอยากรู้ว่า บริจาคเลือดไปแล้วมันจะดียังไง
- เป็นการตรวจโรคทางอ้อม เพราะถ้าทางโรงพยาบาลจะเอาเลือดไปใช้ เขาต้องตรวจก่อน ถ้าเราเป็นอะไรก็จะรู้ตอนนั้นล่ะ
- จะรู้สึกสดชื่นขึ้น จากที่เคยล้าๆ จะรู้สึกดีขึ้นมากๆ แปลกๆดี แต่ทางการแพทย์เขาบอกว่า เม็ดเลือดสร้างตัวใหม่ เลยรู้สึกดีขึ้น

และมีอีกเยอะ ไปอ่านเลย

ข้อดีของการบริจาคเลือดมีดังนี้

  1. เสมือนได้รับการตรวจสุขภาพร่างกาย เพราะคุณจะบริจาคเลือดได้ก็ต่อเมื่อร่างกายสุขภาพแข็งแรง ซึ่งคุณต้องกรอกแบบสอบถาม และตรวจเลือดก่อนบริจาค เนื่องจากเลือดที่ได้รับบริจาคต้องไม่เป็นโรคร้ายแรง บางคนอาจจะพบว่าตัวเองเป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งไม่สามารถบริจาคเลือดได้นะคะ เมื่อคุณรู้ว่าสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้นไงคะ
  2. บางคนเข้าใจผิดว่าการบริจาคเลือดจะทำให้ร่างกายสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมากส่งผลร้ายต่อสุขภาพของตนเอง คุณกำลังเข้าใจผิดอย่างยิ่งคะ ถ้าคุณบริจาคเลือดตามกำหนดระยะเวลาที่สภากาชาดกำหนดไว้แล้ว คุณจะมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น เพราะเลือดที่บริจาคออกไปเป็นเลือดส่วนเกินของร่างกายค่ะ หรือประมาณ 7% ของปริมาณเลือดทั้งหมดในร่างกาย โดยก่อนจะบริจาคจะมีการพิจารณาจากน้ำหนักตัวของผู้ให้บริจาคก่อน ดังนั้นเลือดที่เสียไปจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ตรงกันข้ามกลับกระตุ้นให้ไขกระดูกผลิตเม็ดโลหิตใหม่ขึ้นมาแทน ระบบไหลเวียนของเลือดจะดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรมตามมาคะ
  3. คุณไม่ต้องกลัวว่าบริจาคเลือดแล้วจะทำให้คุณอ้วน แต่มันกลับทำให้คุณมีรูปร่างที่ดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และยังช่วยให้หน้าใสขึ้นด้วยนะคะ
  4. การบริจาคเลือดช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งได้หลายชนิดเลยคะ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าในรายที่มีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป มีผลต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันหรือมะเร็งบางชนิด การบริจาคเลือดจะช่วยลดปริมาณธาตุเหล็กส่วนเกินเหล่านั้นออกไปได้
  5. เมื่อเลือดที่เราบริจาคเลือดไปแล้วถูกใช้ คุณจะได้รับ sms แจ้งเตือน มันจะทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นคะ
  6. ได้รับสิทธิพิเศษที่คนทั่วไปไม่เคยทราบเลยคะ นั้นคือ
  • ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษได้ไม่เกินร้อยละ50
  • ผู้บริจาคโลหิต 9 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ตรวจวิเคราะห์สารเคมีในโลหิตได้ เชน ตรวจหาน้ำตาล ไขมัน การทำงานของตับ การทำงานของไต เป็นต้น
  • ผู้บริจาคโลหติ 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล+ ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
  • ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล100% + ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
  • ผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ “ขอพระราชทานเพลิงศพ” ได้เป็นกรณีพิเศษ
รู้อย่างนี้แล้ว ก็ไปบริจาคเลือดกันเยอะๆนะ





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีสังเกตเครื่องตัดหญ้า makita แท้ เทียม

ในการสังเกตของแท้ของเทียม จะมีอยู่สองสามที่ ที่แรก ฝาหลังที่สตารท จะมีจุดเล็กๆ ของจุด นูนๆ เอามือลูบดู ของปลอมจะไม่มี ของแท้จะมี ที่สอง หัวเทียน ของแท้จะใช้ NGK ของปลอมมีหลายๆแบบ สายคอยส์จะไม่มีปลอกหุ้ม มาแบบเปลือยๆ ที่สาม คาบูเรเตอร์ หรือตัวผสมน้ำมันกับอากาศ ของแท้จะใช้ ของ mikuni พร้อมสลักเลขคาร์บูด้วย ของเทียมบางที่ก็ mikuni แต่เป็นของปลอม ที่สี่ หัวเกียร์ ต้องหมนๆ ไม่ใส น่าจะหมดล่ะนะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจอของปลอมนะครับ เพราะว่าบางคนเขาไปซื้อก้านกับหัวของจริงมา เปลี่ยนคาบูนิดหน่อยก็ตบตากันได้ สำหรับของมืองสองนะครับ แต่ถ้าของมือหนึ่งใช้งานไม่หนักมาก ประกันที่แถมมากับเครื่องคือ 1 ปี แทบจะไม่ได้ซ่อมเลย ยกเว้นแต่เติมน้ำมันไม่ใส่ 2T แค่นั้นเองล่ะ

วิธีการเปลี่ยนใบตัดหญ้า

ไม่พูดพร่ามทำเพลง ลุยเลยล่ะกัน ขั้นตอนแรกจับเครื่อง หมุนก้านมันให้จานตัด ตั้งขึ้นมา เหมือนในรูป แต่ถ้าใครหมุนให้มันหงายขึ้นมาไม่ได้ให้เอา  ขันตัวหมุนที่ก้านเครื่อง ติดๆ ตัวเครื่อง จะมี เราเรียกอะไรน่า ตัวที่มันเหมือนน็อต แต่มีด้ามจับอ่ะ  นี้ ตัวขาวๆนะ   พอคลายออกมาจะหมุนก้านให้หงายใบขึ้นมาได้ จากนั้นใช้ประแจ ที่แถมมากับตัวเครื่องนั้นล่ะ ขึ้นใบตัดออกมา แต่...ขันออกปรกติเขาตัวดึงไปทางซ้าย แต่นี้จะดึงไปทางขวา เขาเรียกว่าเกลียวสลับ ถอดน็อตออก ถอดตัวรองน็อตออก ถอดเหล็กรองออก จากนั้นถอดใบออกมา ถ้าหญ้ามันติดจานตัด ให้ถอดจานรองออกอีก แล้วก็ดึงหญ้าออกมาให้หมด ขั้นตอนประกอบก็ใส่กลับเข้าไปเรียงตามลำดับเลย แถมออกหน่อย วิธีการถอดหัวเกียร์ไม่ยาก มันจะมีประแจอยู่ เอาใาขันน็อตหกเหลียม มันจะมีอยู่สามตัว แล้วดึงออกมา มันก็จะเหลือก้านแค่นี้ จากนั้นเอาไปต่อโข่งดูดน้ำ หรือะไรก็ตามใจจ้า

ขั้นตอนการฆ่า....ไก่

จะกินไก่แต่ล่ะที ต้องลงมือทำเอง จะซื้อก็ใช่เหตุ ไก่เต็มบ้านซะงั้น วันนี้ลองเก็บรูปไว้ เผื่อใครคนอื่นจะเอาไปฆ่ากินเองบ้าง ขอร้องนะอย่าดราม่า ไก่มันเป็นสัตว์เลี้ยงไว้กินอยู่แล้ว เออ...ถ่ายอาจจะดูหน้ากลัวหน่อย ใจอ่อนก็อย่าดูนะจ๊ะ ขั้นแรก จับไก่มาเอาไปแขวนคอ หรือจะยิงเอาก็ตามใจจ๊ะ  อันนี้ไม่ได้ถ่ายให้ดู รับไม่ได้ ไก่ดิ้น ผับๆ แขวนเสร็จ เดินหนีเลย แต่ทำไงได้อยากกินอ่ะนะ ต้มน้ำให้ร้อนเอาแบบเดือดๆ เลย เทใส่กะละมัง ประมาณให้น้ำประมาณครึ่งตัวไก่ แช่ไว้แปบๆ กลับไปกลับมา ถ้าไก่แก่ให้แช่ไว้นานหน่อย เพราะหนังจะหนา ขนจะแข็งดึงออกยาก ไก่หนุ่มๆ อย่าแช่นานเพราะว่าหนังอาจจะหลุดออกมาเวลาเราถอนขนไก่ ทีนี้ก่ะของยากล่ะ ถอนขนไก่ออก ให้หมด ย้ำว่าหมด ตรงปีกจะถอนยากเพราะว่าแข็ง ถ้าถอนแข็งมากเกินไป ให้แช่น้ำร้อนอีก ถอนขนใหญ่ๆให้หมด ถ้าไม่หมดแล้วไป เดี๋ยวเราไปเผาเอา ล้างน้ำเย็นจะได้ไก่ตัวขาวๆ บางตัวก่ะดำ (ฮาๆ) กองไฟที่ต้มน้ำไว้อย่าพึ่งดับนะ ใส่ถ่านไว้ จากนั้นก็เอาไก่ที่ถอนขนเสร็จแล้วมาย่าง การย่างในที่นี้ เพื่อย่างให้ขนอุยๆมันไหม้ให้หมด แนะนำ ขนตรงหัวมันจะเส้นเล็กๆ เ...